Tourism-organic Home-stay&camping Food-health... ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ไปกับเกษตรอินทรีย์ ....ขอเชิญเที่ยวชมเกษตรอินทรีย์ และธรรมชาติอันสวยงาม การตั้งแคมป์ อาหารแบบอินทรีย์ ที่พักแบบแคมป์ หรือโฮมสเตย์ เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553
มะรุม & ปุ๋ยหมักชีวภาพ
มะรุม
มะรุมครบถ้วนสารอาหาร ต้านความดันสูง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. วงศ์ MORINGACEAE
ชื่ออื่น ผักอีฮึม ผักเนื้อไก่ มะค้อนก้อม กาแน้งเดิง Horse radish tree
ลักษณะ เป็นไม้ต้น ใบประกอบแบบขนนก 3 ชั้น เรียงเวียน ดอกช่อ ออกที่ง่ามใบ สีขาวนวลแกมเหลือง ผลเป็นฝัก
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด หรือ ปักชำ
มะรุม ผักรวยสารอาหาร
ในบรรดาผักใบเขียนด้วยกันแล้ว ถือว่าใบมะรุมมีโปรตีนมากกว่าเพื่อนซึ่งคนไทยใหญ่จะเรียกมะรุมว่า “ผักเนื้อไก่” และคนภูไท หรือคนในแถบสกลนครนำมาทำผงนัว เพื่อใช้ในการปรุงรสชาติอาหารแทนผงชูรส องค์การอาหารโลกส่งเสริมให้มีการบริโภคมะรุมในเด็กอายุ 1-3 ปี รวมทั้งในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อเป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูก โดยแนะนำให้บริโภคใบมะรุมเทียบเท่าผงแห้งอย่างน้อย วันละ 30 กรัม ในปริมาณที่ให้บริโภคนี้ เด็กจะได้รับโปรตีนประมาณ 1 ใน 3 ที่สมควรได้รับต่อวัน และได้รับวิตามินเอครบถ้วน ได้รับแคลเซียมร้อยละ 75 ได้รับเหล็กประมาณครึ่งหนึ่ง และวิตามินซีประมาณ 1 ใน 3 ของที่ต้องการต่อวัน (แต่ในขั้นตอนทำแห้งวิตามินซีจะสูญเสียไปมาก)
นั่นหมายถึงหากให้รับประทานในรูปแบบของแคปซูลขนาด 500 มิลลิกรัม ที่มีขายกันในขณะนี้ จะต้องกินแคปซูลใบมะรุมถึงวันละ 60 แคปซูล ดังนั้นหากจะต้องการได้รับสารอาหารครบถ้วนควรรับประทานมะรุม ในลักษณะของการเป็นผักจะเหมาะสมที่สุด
มะรุมสามารถกินเป็นผักได้ในแทบทุกส่วน ตั้งแต่ใบอ่อน ช่อดอก ผักอ่อน โดนำมาลวก นึ่ง กินกับน้ำพริก แจ่ว กินแนมกับลาบ ก้อย หรือจะนำช่อดอกทำแกงส้ม แกงอ่อม หรือจะนำช่อดอกมาดอง เพื่อนำมากินกับน้ำพริกก็ได้ ส่วนผักอ่อน ซึ่งมีวิตามินซีสูงมากนิยมแกงส้มกินตอนต้นฤดูหนาว ซึ่งช่วงฤดูหนาวนี้มะรุมจะเริ่มมีฝักอ่อนให้เรากิน เพื่อเป็นการป้องกันหวัดในช่วงที่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงนั่นเอง
………………
ขอบพระคุณในการคัดสำเนา
บทความบางช่วงบางตอนจากหนังสือ
บันทึกของแผ่นดิน ๒
ผัก เป็นยา รักษา ชีวิต
โดย ... ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
..................................
ดูเหมือนว่ามะรุม จะเป็นผักที่รุมรักษาป้องกันโรคจริงๆ นะครับงานนี้ ใกล้ฤดูหนาวแล้ว ผู้อ่านหลายท่าน คงต้องหามะรุมมาทำเป็นเมนูอาหารไว้รับประทานกันเป็นแน่ ในส่วนของไร่ใบเถานั้น ไม่ต้องห่วงครับ มีอยู่หลายสิบต้น แล้วก็ยังเพาะกล้ามะรุมเอาไว้ขายอีกด้วย ยังไงช่วยสนับสนุนการปลูกต้นไม้กันนะครับ เพราะผมเชื่อเสมอว่า การปลูกต้นไม้ ไม่มีการเสีย มีแต่ได้กับได้ ครับ ไม่ว่าจะได้ช่วยลดโลกร้อน ได้ต้นไม้เพิ่ม ได้ดอกผลของต้นไม้ที่ปลูก ได้ร่มเงา ได้อากาศสดชื่น ที่สำคัญจะทำให้เราได้เงินทองจากการจำหน่ายผลผลิตของต้นไม้ที่เราปลูกด้วยครับ เห็นไหมครับว่าปลูกต้นไม้มีแต่ได้กับได้
ตามที่ได้สัญญากันไว้ในครั้งก่อนว่าครั้งนี้จะมาอัพเดท เรื่องราวเกี่ยวกับสูตร ปุ๋ยหมัก และอาหารเสริมสำหรับพืชผัก ผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับกัน สำหรับในครั้งนี้ นำมาแนะนำกับ สัก 2-3 สูตร
สมุนไพรไล่แมลง
ส่วนผสม
1. ตะไคร้หอม 3 กก.
2. กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 1 กก.
3. น้ำสะอาด(น้ำบ่อ) 10 ลิตร
วิธีทำ
สับตะไคร้หอมให้ละเอียด นำกากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดงละลายน้ำเปล่า 10 ลิตร นำตะไคร้หอมที่สับแช่ ทิ้งไว้ 24 ชม. หลังจากนั้นใช้ฉีดพ่น พืชผัก ผลไม้ ไล่แมลงได้
สมุนไพรป้องกันโรค
ส่วนผสม
1. ขมิ่นชัน 1.5 กก.
2. ข่าแก่ 1.5กก.
3. กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 1 กก.
4. น้ำเปล่า 10ลิตร
วิธีทำ
นำข่าและขมิ้นชันสับละเอียด นำกากน้ำตาลละลายกับน้ำเปล่า แช่ขมิ้นชันทิ้งไว้ 24 ชม. จึงนำไปฉีดพ่นในแปลงผัก จะช่วยป้องกันโรคราและแบคทีเรีย ของพืชผักได้
น้ำหมักผลไม้สุก
วัสดุอุปกรณ์
1.มะละกอสุก 2 กก.
2.กล้วยสุก 2 กก.
3.ฟักทองแก่จัด 2 กก.
4.กากน้ำตาล/น้ำตาลสีรำ 50 ซีซี.
5.น้ำ 5 ลิตร
6.ถังพลาสติกหรือไห(สะอาด) ขนาดบรรจุ 10 ลิตร 1 ใบ
วิธีทำ
นำผลไม้มาสับละเอียดหรือฝานบางๆ (ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องปลอกเปลือก) ใส่ลงในถังหรือโหลแล้วเติมกากน้ำตาลคนให้เข้ากันด้วยมือ ปิดฝานาน 10-15 วันจึงใช้ได้
วิธีใช้
-กรองเอาน้ำหมักไปฉีดพ่น ราดรดผักผลไม้ในตอนเย็น อัตราน้ำหนัก 50 ซีซี. ต่อ น้ำ 10 ลิตร
-ฝ้าขาวที่ลอยในถัง ใช้ทากิ่งตอนช่วยเร่งราก
-กากเป็นปุ๋ยใส่รอบทรงพุ่มไม้ผลหรือทำปุ๋ยหมัก
เพิ่มเติม
-ผลไม้ทุกอย่างทำน้ำหนักรวมให้ได้ 6 กก.
-น้ำหนักที่ได้กรองใส่ขวดพลาสติกหรือแก้ว ปิดฝา เก็บได้นาน 3 เดือน
-ถ้าหากกากน้ำตาลหรือน้ำตาลสีรำไม่ได้ ลองเอาน้ำตาลปี๊บ 1 กก. ใส่น้ำ 10 ลิตร เคี่ยวให้เหลือ 8-9 ลิตร พอแก้ขัดได้
สำหรับสูตรที่ได้นำเสนอไปนะครับ สองสูตรแรกนั้น เป็นสูตรป้องกันและไล่แมลง ส่วนสูตรสุดท้ายจะเป็นการบำรุงพืชผักผลไม้ให้สมบูรณ์แข็งแรง จะสังเกตได้นะครับว่า เราจะไม่มีสูตรที่ฆ่าหนอนหรือแมลงที่มารบกวน สาเหตุก็เพราะว่า ตามหลักของการทำเกษตรอินทรีย์ ที่ผมได้เคยนำเสนอไปแล้วในครั้งก่อนๆ นั้นก็คือ เราจะไม่กำจัดศัตรูพืชด้วยการฆ่า เพราะนั้นจะเป็นการไปตัดวงจรของระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตในแปลงเพาะปลูก แต่เราจะเน้นใช้วิธีการควบคุมดูแล เพื่อให้เกิดสมดุลในระบบนิเวศในแปลงเพาะปลูก ตัวอย่างเช่น เพลี้ยดูดน้ำเลี้ยงจากใบพืช ก็จะทำให้พืชขาดสารอาหารต้นไม่สมบูรณ์ เราก็จะปล่อยให้มดกินเพลี้ย แต่ถ้าเพลี้ยมากกว่ามดที่มากำจัด เราก็จะเข้าไปช่วยควบคุมเพื่อให้เกิดสมดุลด้วยการขับไล่เพลี้ยออกไปจากแปลงบางส่วน แต่เราจะไม่ฆ่าเพลี้ย นี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในการใช้ระบบนิเวศ ในการดูแลรักษาแปลงเพาะปลูก เอาละครับไล่เรียงกันมาเสียยืดยาว หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะได้ข้อมูลและสาระความรู้กันไปบ้างพอสมควร ในครั้งหน้าไร่ใบเถา จะมาแนะนำหรือแลกเปลี่ยนอะไรอีกนั้น ผมขอปิดเอาไว้ก่อน แต่ขอกระซิบเบาๆ ครั้งหน้าสาวๆที่รักสวยรักงามห้ามพลาดนะครับ ลองมาดูกันสิครับว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แต่แต่งด้วยจุลินทรีย์ มาคอยดูกันสิว่าจะดีแค่ไหน ติดตามอ่านได้ในการอัพบล็อก ในครั้งหน้านะครับ
ขอบคุณในการติดตามอ่าน
...ใบเถา...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น